สาวเครียดหนัก ตั้งกระทู้ปรึกษาต้องให้เงินพ่อแม่เท่าไหร่ถึงจะพอ จุดสิ้นสุดคือตรงไหนกับคำว่าทดแทนบุญคุณ และดูไม่เป็นลูกเนรคุณ
สังคมไทยมักปลูกฝังเรื่องความกตัญญูต่อบิดามารดา หลายครอบครัวจึงมีค่านิยมว่าหากเติบโตจน ทำงานได้แล้ว ต้องมอบเงินเดือนให้แก่พ่อแม่เพื่อทดแทนคุณ แต่บางครั้งค่านิยมเช่นนี้ก็ทำร้ายคนเป็นลูกได้เช่นกัน อย่างที่สาวคนนี้กำลังพบเจอ
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ที่ผ่านมา สมาชิกพันทิปรายหนึ่งได้ตั้งกระทู้ปรึกษาปัญหาครอบครัวโดยเล่าว่า ตนทำงานประจำมาสักพักแล้ว ตั้งแต่เริ่มทำงานก็ให้เงินพ่อแม่ตลอด มันมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน และมากกว่าที่พี่ชายให้ตลอด หากได้โบนัสก็แบ่งบางส่วนมาให้ที่บ้าน
ทั้งหมดนี้เกิดจากการที่พวกท่านปลูกฝังมาว่าต้องให้เงินที่บ้าน ลุงก็บอกว่าควรให้พ่อแม่เพิ่มไปเรื่อย ๆ (แต่พ่อแม่ให้เงินพ่อแม่ของพวกท่านไม่เยอะเท่าที่ตนให้ และไม่ได้ให้ประจำเพราะอ้างว่าพี่น้องคนอื่น ๆ ให้แล้ว)
ปกติตนมีอะไรจะเล่าให้พ่อฟังตลอด ล่าสุดได้งานพิเศษมา จ่ายเป็นรายเดือน ตนก็เล่าให้พ่อฟังปกติ แต่พ่อพูดขึ้นว่า “เงินเดือนเดือนแรกจากที่ทำงานใหม่ควรเอาให้แม่” ตนสับสนมากเพราะว่าที่ผ่านมาก็ให้ทุกเดือนอยู่แล้ว เงินจากงานพิเศษก็ควรให้อีกหรือ แอบน้อยใจเพราะทำงานมาก็เหนื่อย และเครียดอยู่แล้ว ต้องมาเจอเรื่องนี้อีก
ตนจึงถามพ่อไปว่า หากเปลี่ยนงานบ่อย เงินเดือนแรกของทุกที่ต้องให้พ่อแม่? แล้วแบบนี้จุดสิ้นสุดมันจะอยู่ตรงไหน? พ่อตอบกลับว่า กับพ่อแม่มันไม่มีจุดสิ้นสุด ให้นึกถึงตอนท่านอุ้มท้อง ดูแลจนเติบโต ต้องเสียสละไปเท่าไหร่ เรื่องพวกนี้ทำตนเหนื่อยและเครียดมาก หากไม่ให้เงินพ่อแม่จะถือว่าอกตัญญูหรือเปล่า?
ด้านความคิดเห็นของชาวเน็ต ส่วนใหญ่แนะนำว่า ควรให้เท่าที่ไหว เท่าที่เราไม่เดือดร้อนกายและใจ เพราะเราต่างก็มีลิมิตเหมือนกัน หากเราให้จนตัวเองไม่พอกิน ต่อไปจะเอากำลังที่ไหนไปหามาให้พ่อแม่
บางส่วนก็แนะให้เจ้าของกระทู้ลองพิจารณาตามปัจจัย หากพ่อแม่ทำงานมีเงินเดือนอยู่แล้ว ไม่มีโรคประจำตัว มีเงินเก็บพอใช้ชีวิตช่วงเกษียณ ก็อาจจะไม่ต้องให้ แล้วเปลี่ยนไปแสดงความกตัญญูในรูปแบบอื่นแทน