กลายเป็นประเด็นที่น่าจับตามองระหว่างคู่กรณีสองคู่กรณีที่มีประเด็นบนโลกโซเชียลมีเดียทำให้มีผู้คนมากมายต่างเข้ามาสนใจกันเป็นจำนวนมากกับคู่กรณีที่เกิดเป็นประเด็นมีดราม่าบนโลกโซเชียลมีเดียซึ่งบอกเลยว่าประเด็นทั้งคู่ทำให้มีผู้คนมากมายต่างพากันพูดถึงและเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากกับการสอบเข้ารับราชการของนักศึกษาสาวคนหนึ่งที่มีประเด็นฮือฮาตามโลกโซเชียลมีเดียตอนนี้ซึ่งบอกเลยว่าชาวมีเดียต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์และพูดคุยเป็นจำนวนมากกับประเด็นดังกล่าวซึ่งทำให้มีผู้คนมากมายเข้ามาแสดงความคิดเห็นจนถึงตอนนี้ข้อมูลดังกล่าวกำลังสรุปและรวบรวมเนื้อหาเป็นจำนวนมากซึ่งบอกเลยว่าทำให้มีผู้คนมากมายเข้ามาแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากกรณี ครูเบญ น.ส.เบญญาภา สอบติดครูได้อันดับที่1 แต่ผ่านไป3วันชื่อหาย และมีสาวอีกรายนามสกุลใหญ่มาเสียบแทน มีการเปลี่ยนแปลงประกาศผลการสอบตำแหน่งพนักงานราชการ สพม.สระแก้ว และชื่อครูเบญหายไป จนกลายเป็นประเด็นที่สังคมไทย ให้ความสนใจอยู่ในเวลานี้ โดย ครูเบญ ได้เข้าไปยื่นเรื่องร้องเรียนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดย สพฐ. และ ศธ. มีการระบุว่า หากผลการสืบข้อเท็จจริงออกมาว่ามีการกระทำผิดโดยเจตนาจริง โทษสูงสุดคือไล่ออกจากราชการ
ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ทางกระทรวงศึกษาธิการ และ สพฐ. ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยพลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งการให้ สพฐ. ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ทาง สพฐ. ได้ส่งนิติกรลงพื้นที่ไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสระแก้ว (สพม.สระแก้ว) แล้ว พร้อมตั้งคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง
ได้ทำการเก็บเอกสารที่เป็นหลักฐาน ทั้งชุดข้อสอบ กระดาบคำตอบ และเฉลยคำตอบ มาตรวจสอบที่ส่วนกลางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมยืนยันว่าผู้ที่กระทำผิดจะต้องถูกลงโทษแน่นอน ซึ่งต้องไปดูว่าเป็นความผิดในฐานใด หากเป็นกรณีประมาทเลินเล่อ บทลงโทษจะเป็นฐานหนึ่ง แต่หากเป็นการตั้งใจกระทำผิดโดยเจตนา ก็จะเป็นอีกฐานหนึ่ง ซึ่งเรายืนยันว่าจะดำเนินการอย่างโปร่งใส ยุติธรรม ตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันที่ 20 กันยายน นี้
และในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์สนั่น จากผู้ใช้เฟซบุ๊ครายหนึ่ง ที่ออกมาเผยผลสอบของ ปิยะโสภิชา ที่ได้สอบได้อันดับ1 ในการประกาศครั้งที่ 2 แทนที่ของ ครูเบญ โดยบอกว่า สาวรายนี้้เป็นคนเก่งระดับหัวกะทิ สนามนี้ใครสอบผ่านคือหัวกะทิ
แชร์กันไปมั่งสิ อันที่น้อง ปิยะโสภิชา เค้าสอบติดนะ ปี 67 นี้ สอบติดรอเรียกบรรจุ 1 สนาม รอเรียก สัมภาษณ์ครูผู้ช่วยอาชีวะอีก 1 สนาม ไปแชร์แต่อันที่เค้าสอบไม่ติด สนามนี้ใครสอบผ่านคือหัวกะทินะ พี่ไม่ได้พูดเอง เพจศูนย์สอบธรรมศาสตร์เป็นคนพูด แชร์ไปให้ถึง โหนกระแส หนุ่มกรรชัย สพม.สระแก้ว จะไม่โพสต์เรื่องนี้แล้ว
จากข่าว น้องคนหนึ่งสอบครูติด อันดับ 1 ผ่านไป 3 วัน ชื่อหาย ขออย่าเพิ่งด่า น้องคนที่มาเสียบแทน เพราะเอาชื่อน้องไปเซิร์ชในกูเกิ้ล น้องคนนี้ก้อเก่งระดับหัวกะทิ เพราะน้องสอบผ่าน ภาค ก. ภาค ข. สนามอาชีวะ ซึ่งเป็นข้อสอบที่ยากกว่า สพม.ที่เป็นข่าวนี้ น้องติด 1 ใน 400 คน จาก 10,000 คน น้องไม่ธรรมดา รอตรวจสอบให้แน่ชัด ถ้าน้องใช้เส้นสายจริงค่อยด่า เรามาวิเคราะห์คร่าวๆถึงความน่าจะเป็นของเหตุการณ์นี้
พร้อมมีการบอกอีกว่า ทำไมชื่อน้องคนแรก ( ครูเบญ) หายไป มีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไปได้ไหม ชื่อหายเพราะประกาศชื่อผิด เพราะเลขลำดับผู้เข้าสอบของน้องสองคนติดกันเลย เลข ๑๐๐๔๐๐๒๐ กับ ๑๐๐๔๐๐๒๑ (เลขไทย) มีโอกาสที่จะคีย์เลขท้ายผิดโดยไม่ทวนรายชื่อ ส่วนลำดับที่ 2-10 รายชื่อครบ แต่สลับอันดับกัน ตามคำชี้แจงที่บอกว่าเฉลยข้อสอบผิด
ก่อนหน้านี้ ปิยะโสภิชา ได้ออกมายืนยันความบริสุทธิ์ใจ กรณีการประกาศผลสอบพนักงานราชการครูที่ สพม.สระแก้ว ออกมาเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและยืนยันว่าจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน และได้รับประกาศนียบัตรวิชาชีพครูจากมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ ซึ่งครอบครัวของเธอไม่ได้มีอิทธิพลใดๆ และเธอต้องทำงานพิเศษเพื่อแบ่งเบาภาระทาง
พร้อมยอมรับว่า เดิมเธอจบเอกฟิสิกส์แต่พบว่าเป็นจุดอ่อน จึงหันมาสอบวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไปแทน เธอเคยสอบครูผู้ช่วยหลายครั้งในหลายจังหวัด และได้นำประสบการณ์จากความล้มเหลวมาปรับปรุงตัวเอง โดยอ่านหนังสือหนัก ลงคอร์สติว และขอใบเทียบหน่วยกิต นอกจากนี้ เธอยังสอบติดครูอาชีวะเอกวิทยาศาสตร์ และกำลังรอสัมภาษณ์